เดี๋ยวนี้ตามบ้านจัดสรร
นอกจากเค้าจะมีห้องนั่งเล่นกันหลังละ 2-3 ห้องกันแล้ว (
เนื่องจากบ้านมีขนาดใหญ่จนไม่รู้จะจัดฟังก์ชันอะไรลงไปแล้วนั่นเอง
) เค้ายังมีห้องทำงาน
ห้องหนังสือสำหรับขนงานจากที่ทำงานกลับมาทำที่บ้านกันอีกด้วย
นอกจากจะสวยงามและทำให้บ้านเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้นแล้ว
เวลาทำงานที่ต้องการสมาธิ
ห้องทำงานส่วนตัวเป็นห้องที่น่าสนใจไม่แพ้ห้องอื่นเลย
รู้อย่างนี้แล้วใครอยากมีแต่คิดไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรตามเรามาเลย
ห้องนอนที่ 3 ที่มีมากเกินความจำเป็น
เราจึงถือโอกาสจัดห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน
ที่ในอนาคตสามารถดัดแปลงให้กลายเป็นห้องนอนได้อย่างไม่ยากเย็น
BEFORE
ห้องนอนที่ 3 ที่มีมากเกินความจำเป็น
AFTER
1.เปลี่ยนใหม่ให้สบายตาและสบายใจ
ขนาดห้องเดิม 3.50 x 4.00 ม.
ที่เราตัดสินใจทำเป็นห้องทำงานแทนห้องนอน
เริ่มตั้งแต่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าเราบิวท์เป็นชุดโต๊ะทำงานไม้พ่นสีขาวยาวตลอดทั้งด้าน
เบรกผนังซ้าย-ขวา
ด้วยชั้นไม้สีขาวสำหรับวางหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนที่จำเป็น
ส่วนผนังทางด้านขวามือเราใช้การบิวท์เป็นโซฟาเบาะผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้ม
สำหรับนั่งอ่านหนังสือ
เพิ่มความน่าสนใจในห้องนี้ด้วยโทนสีน้ำตาลไล่เฉดกันไป
เริ่มจากผนังและเบาะผ้าเป็นสีน้ำตาล
ตัดกับสีขาวของเฟอร์นิเจอร์ที่จะช่วยลดทอนบรรยากาศเครียด ๆ
ของห้องทำงานได้เป็นอย่างดี
2.มุมโต๊ะทำงาน
เมื่อทำงาน เราคงต้องเจอกับความเครียดมากแน่ ๆ
ดังนั้นเราจึงเลือกมุมที่สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างได้แทนมุมที่จะต้องหันไปมองแต่ผนังเรียบ
ๆ ตัน ๆ เท่านั้น และนอกจากความสบายตาที่ได้รับแล้ว
ผลพลอยได้อีกอย่างก็คือแสงสว่างที่แทบไม่ต้องอาศัยการเปิดไฟกันเลยทีเดียว
ในช่วงกลางวัน
แต่หากบางวันที่แสงอาจจะจ้าเกินไปม่านพับสีน้ำตาลอ่อนช่วยได้พอสมควรเลยค่ะ
และขนาดโต๊ะที่ยาวตลอดทั้งผนังนี้
ยังช่วยให้เราไม่ต้องนั่งเหงาทำงานคนเดียวอีกต่อไป
3.แสงประดิษฐ์
หากต้องการสร้างบรรยากาศในการทำงาน หรือทำงานในเวลาค่ำคืน
ก็สามารถเปิดไฟฮาโลเจนที่บิวท์อินติดตายไปบนโต๊ะได้เลย
เพียงแต่ว่าก่อนทำการติดตั้งไฟฮาโลเจนประเภทนี้เราควรซื้อหม้อแปลงไฟเพื่อใช้แปลงไฟจากหลอดประเภทนี้ก่อนเสมอ
ๆ
ไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจจะหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นถ้าหลอดไฟจะขาดได้ตลอดเวลา
4.ชั้นหนังสือบนผนัง
เนื่องจากเราเล่นเรื่องสีสันบนผนังเพื่อสร้างจุดเด่นให้ห้องนี้แล้ว
เราจึงต้องลดทอนความน่าสนใจของเฟอร์นิเจอร์ลงมาด้วยการเลือกใช้ให้เป็นสีขาว
และก่อนทำการติดตั้งชั้นที่ต้องวางของหนัก ๆ
เราควรกำชับช่างทุก ๆ
ครั้งให้ติดตั้งและใส่อุปกรณ์ช่วยยึดให้มั่นคงมากกว่าชั้นโชว์ของทั่วไปเพราะไม่อย่างนั้นแล้วหนังสือของเราอาจจะหล่นลงมากองกับพื้นแบบไม่เป็นระเบียบได้
5.มุมนี้ก็สบาย ๆ เช่นกัน
เบาะผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มกับหมอนอิงสัก 2-3 ใบ
ไว้สำหรับนั่งเอนหลังอ่านหนังสือยามที่ต้องการพักผ่อน
หรือจะใช้การปูพรมผืนใหญ่ ไว้นอนเอนหลังสบาย ๆ
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานอันแสนเคร่งเครียดทั้งวัน
6.มุมทำงานในแบบสบายๆ
มุมนี้ใช้สีที่ผนังค่อนข้างอ่อน
ดังนั้นสีน้ำตาลเข้มของเบาะจึงเด่นขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับห้องได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราได้ห้องทำงานแบบสบาย ๆ กันไปแล้วก็มาถึงสนนราคา
ที่ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับคราวนี้ก็ 33,700 บาท
ขาดตัว ใครสนใจจะทำตามก็ไม่ว่ากัน
เดี๋ยวนี้ตามบ้านจัดสรร
นอกจากเค้าจะมีห้องนั่งเล่นกันหลังละ 2-3 ห้องกันแล้ว (
เนื่องจากบ้านมีขนาดใหญ่จนไม่รู้จะจัดฟังก์ชันอะไรลงไปแล้วนั่นเอง
) เค้ายังมีห้องทำงาน
ห้องหนังสือสำหรับขนงานจากที่ทำงานกลับมาทำที่บ้านกันอีกด้วย
นอกจากจะสวยงามและทำให้บ้านเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้นแล้ว
เวลาทำงานที่ต้องการสมาธิ
ห้องทำงานส่วนตัวเป็นห้องที่น่าสนใจไม่แพ้ห้องอื่นเลย
รู้อย่างนี้แล้วใครอยากมีแต่คิดไม่ออกว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรตามเรามาเลย
ห้องนอนที่ 3 ที่มีมากเกินความจำเป็น
เราจึงถือโอกาสจัดห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน
ที่ในอนาคตสามารถดัดแปลงให้กลายเป็นห้องนอนได้อย่างไม่ยากเย็น
ฺBEFORE
ห้องนอนที่ 3 ที่มีมากเกินความจำเป็น
AFTER
1.เปลี่ยนใหม่ให้สบายตาและสบายใจ
ขนาดห้องเดิม 3.50 x 4.00 ม.
ที่เราตัดสินใจทำเป็นห้องทำงานแทนห้องนอน
เริ่มตั้งแต่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าเราบิวท์เป็นชุดโต๊ะทำงานไม้พ่นสีขาวยาวตลอดทั้งด้าน
เบรกผนังซ้าย-ขวา
ด้วยชั้นไม้สีขาวสำหรับวางหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนที่จำเป็น
ส่วนผนังทางด้านขวามือเราใช้การบิวท์เป็นโซฟาเบาะผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้ม
สำหรับนั่งอ่านหนังสือ
เพิ่มความน่าสนใจในห้องนี้ด้วยโทนสีน้ำตาลไล่เฉดกันไป
เริ่มจากผนังและเบาะผ้าเป็นสีน้ำตาล
ตัดกับสีขาวของเฟอร์นิเจอร์ที่จะช่วยลดทอนบรรยากาศเครียด ๆ
ของห้องทำงานได้เป็นอย่างดี
2.มุมโต๊ะทำงาน
เมื่อทำงาน เราคงต้องเจอกับความเครียดมากแน่ ๆ
ดังนั้นเราจึงเลือกมุมที่สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างได้แทนมุมที่จะต้องหันไปมองแต่ผนังเรียบ
ๆ ตัน ๆ เท่านั้น และนอกจากความสบายตาที่ได้รับแล้ว
ผลพลอยได้อีกอย่างก็คือแสงสว่างที่แทบไม่ต้องอาศัยการเปิดไฟกันเลยทีเดียว
ในช่วงกลางวัน
แต่หากบางวันที่แสงอาจจะจ้าเกินไปม่านพับสีน้ำตาลอ่อนช่วยได้พอสมควรเลยค่ะ
และขนาดโต๊ะที่ยาวตลอดทั้งผนังนี้
ยังช่วยให้เราไม่ต้องนั่งเหงาทำงานคนเดียวอีกต่อไป
3.แสงประดิษฐ์
หากต้องการสร้างบรรยากาศในการทำงาน หรือทำงานในเวลาค่ำคืน
ก็สามารถเปิดไฟฮาโลเจนที่บิวท์อินติดตายไปบนโต๊ะได้เลย
เพียงแต่ว่าก่อนทำการติดตั้งไฟฮาโลเจนประเภทนี้เราควรซื้อหม้อแปลงไฟเพื่อใช้แปลงไฟจากหลอดประเภทนี้ก่อนเสมอ
ๆ
ไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจจะหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นถ้าหลอดไฟจะขาดได้ตลอดเวลา
4.ชั้นหนังสือบนผนัง
เนื่องจากเราเล่นเรื่องสีสันบนผนังเพื่อสร้างจุดเด่นให้ห้องนี้แล้ว
เราจึงต้องลดทอนความน่าสนใจของเฟอร์นิเจอร์ลงมาด้วยการเลือกใช้ให้เป็นสีขาว
และก่อนทำการติดตั้งชั้นที่ต้องวางของหนัก ๆ
เราควรกำชับช่างทุก ๆ
ครั้งให้ติดตั้งและใส่อุปกรณ์ช่วยยึดให้มั่นคงมากกว่าชั้นโชว์ของทั่วไปเพราะไม่อย่างนั้นแล้วหนังสือของเราอาจจะหล่นลงมากองกับพื้นแบบไม่เป็นระเบียบได้
5.มุมนี้ก็สบาย ๆ เช่นกัน
เบาะผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มกับหมอนอิงสัก 2-3 ใบ
ไว้สำหรับนั่งเอนหลังอ่านหนังสือยามที่ต้องการพักผ่อน
หรือจะใช้การปูพรมผืนใหญ่ ไว้นอนเอนหลังสบาย ๆ
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานอันแสนเคร่งเครียดทั้งวัน
6.มุมทำงานในแบบสบายๆ
มุมนี้ใช้สีที่ผนังค่อนข้างอ่อน
ดังนั้นสีน้ำตาลเข้มของเบาะจึงเด่นขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับห้องได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราได้ห้องทำงานแบบสบาย ๆ กันไปแล้วก็มาถึงสนนราคา
ที่ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับคราวนี้ก็ 33,700 บาท
ขาดตัว ใครสนใจจะทำตามก็ไม่ว่ากัน
|
รายการค่าใช้จ่าย
1. เบาะนั่งผ้าฝ้ายสีน้ำตาล ด้านล่างเป็นไม้พ่นสีขาว
10,000 .-
2. โต๊ะทำงาน+ ชั้นวางหนังสือและชุดไฟฮาโลเจน 16,000 .-
3. เก้าอี้ทำงาน 1,500 .-
4. พรมผ้าฝ้ายปูพื้น 2,000.-
5. หมอนอิง 1,200.-
รวมทั้งหมด 33,700 บาท
ที่มา : นิตยสาร
|
วสันต์อินทีเรียร์คอนสทรัคเตอร์
49/15 หมู่ 10 ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ซ.วัดพระเงิน
ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11150
โทร:
084-0421318
Tel /
Fax: 02-9250562 |
Wasan
Interior Constructor
49/15 M.10 Soi Watprageon A.Bangmoung
,Nonthaburee Thailand 11150
Mobile:
084-0421318,099-0952095
|
Email:
meartinfo@yahoo.com
Website:
www.meartprobuilt.com |

 |